ออกแบบ

ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เดินหน้าพัฒนาแผนการออกแบบโครงการที่อยู่อาศัยแบบองค์รวม

ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เดินหน้าพัฒนาแผนการออกแบบโครงการที่อยู่อาศัยแบบองค์รวม เตรียมความพร้อมสู่การอยู่อาศัยแห่งอนาคต มุ่งพัฒนาแนวคิดในการออกแบบเพื่อรองรับเทรนด์ของโลกที่มุ่งเน้นความยั่งยืน

ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ นำเทรนด์การอยู่อาศัยของบ้านในฝันมาปรับให้เป็นบ้านจริง ที่หลอมรวมความต้องการทั้งด้านสุขภาพ รักษ์โลก ให้มากกว่าเรื่องพื้นที่สีเขียว และชูความเป็นบ้านแบบมัลติฟังก์ชัน ให้มั่นใจว่าสมาชิกทุกคนในครอบครัวจะได้อยู่อาศัยในพื้นที่ที่เป็นมากกว่าคำว่า “บ้าน”

นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ (LALIN) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์คุณภาพภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี’ เปิดเผยว่า ปัจจุบันกระแส Green และ Sustainability ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง รวมถึงแนวคิด ESG : Environmental (สิ่งแวดล้อม), Social (สังคม) และ Governance (บรรษัทภิบาล) เพื่อพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งถือเป็นเทรนด์ที่ทุกกลุ่มธุรกิจทั่วโลกต่างยึดเป็นแนวทางในการพัฒนาองค์กร สินค้า และบริการมาโดยตลอด ซึ่งบริษัทฯ เองก็ได้นำแนวทางนี้มาเป็นจุดเริ่มต้นหลักในการพัฒนาให้สอดคล้องกับทุกๆ ส่วนงานเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านแนวคิดการพัฒนาที่อยู่อาศัยจากบ้านหลังแรกสู่บ้านของครอบครัวเพื่อให้เกิดความยั่งยืนจากรุ่นสู่รุ่น

ออกแบบ

“ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ กำหนดเป้าหมายที่จะสร้างบ้านภายใต้แนวคิด ‘Sustainable Architecture’ หรือการสร้างสถาปัตยกรรมที่ยั่งยืนที่เน้นการออกแบบเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยจะคำนึงถึงความสะดวกสบายของการอยู่อาศัยที่ควบคู่ไปกับความยั่งยืนของธรรมชาติ จะเห็นได้จากการพัฒนางานด้านการออกแบบของเราที่ให้ความสำคัญต่อพื้นที่สีเขียวส่วนกลางที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯ ต้องการสร้างสภาพแวดล้อมของทุกโครงการให้น่าอยู่ มีความร่มรื่นของต้นไม้เข้ามาช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อลดการเกิดปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่มีมากขึ้นในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มปริมาณอ๊อกซิเจนในอากาศและช่วยให้ผู้อยู่อาศัยมีสุขภาพที่ดี โดยได้คัดสรรวัสดุตกแต่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนช่วยสร้างความสมดุลในเรื่องการประหยัดพลังงานของการอยู่อาศัยให้ยกระดับเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้การออกแบบตกแต่งที่อยู่อาศัยภายใต้แนวคิดดังกล่าวยังคงต้องคำนึงถึงการออกแบบให้สอดคล้องกับสภาพภูมิอากาศ ทิศทางของแสงแดด ลม และเสียง เพื่อให้บ้านอยู่สบายยิ่งขึ้น และที่สำคัญยังช่วยตอบโจทย์ด้านความยั่งยืนมากขึ้นอีกด้วย” นายชูรัชฏ์ กล่าว

หากวิเคราะห์ถึงเทรนด์การออกแบบบ้านในอนาคต นายชูรัชฏ์ กล่าวแสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า “เทรนด์การอยู่อาศัยในปี 2566 ก็ยังคงมีความใกล้เคียงกับในปีที่ผ่านมา โดยมี 4 ปัจจัยที่ทั้งผู้อยู่อาศัยและผู้ออกแบบยังคงให้ความสำคัญอยู่ต่อเนื่อง ประกอบด้วย

  • เทรนด์บ้านเพื่อสุขภาพ ที่เกิดจากความตระหนักของผู้อยู่อาศัยทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการเกิดโรคระบาดครั้งรุนแรงที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้บริโภคเล็งเห็นถึงความสำคัญของการเลือกซื้อบ้านที่อยู่แล้วช่วยทำให้มีสุขภาพที่ดี โดยบริษัทฯ มีการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ ที่ช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์มากยิ่งขึ้น อาทิ การใช้สี Silver Nano Technology ที่มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ภายในบ้านมีการติดตั้งฝ้าที่มีระบบระบายอากาศ ทำให้สามารถถ่ายเทอากาศได้อย่างสะดวก อีกทั้งยังมีโถ่งเพดานที่สูง ช่วยในเรื่องความโล่งโปร่งสบาย ซึ่งโครงการของเรามีการใช้โครงสร้างระบบพรีคาสท์เพื่อลดการใช้ไฟและน้ำในกระบวนการก่อสร้าง ทั้งยังช่วยลดปริมาณฝุ่น PM2.5 ได้อีกด้วย
  • เทรนด์พื้นที่สีเขียว ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์กับ Pain Point ของคนในปัจจุบันที่มีโอกาสใกล้ชิดกับธรรมชาติน้อยลง ดังนั้นการสร้างพื้นที่สีเขียวส่วนกลางที่พร้อมเติมเต็มความต้องการเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญอย่างมาก โดยลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ได้นำเทรนด์ดังกล่าวมาประยุกต์ใช้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้มากขึ้นนั้นก็เปรียบเสมือนปอดของชุนชน และยังเป็นจุดศูนย์รวมในการสันทนาการของทุกครอบครัวในวันหยุดพักผ่อนอย่างมีความสุข
  • เทรนด์ความยั่งยืน จากแนวคิดการใส่ใจธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้บริษัทฯ ได้พัฒนาบ้านและพื้นที่ส่วนกลางให้ตอบโจทย์ดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันมีการใช้สุขภัณฑ์แบบประหยัดน้ำแบบ 2 ระบบ ช่วยลดการใช้น้ำที่เกินความจำเป็น มีระบบไฟ Solar Cell ในพื้นที่ส่วนกลางเพื่อลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ใช้หลังคาที่มีฉนวนกันความร้อนภายในคลับเฮ้าส์ เพื่อช่วยให้เครื่องปรับอากาศทำงานน้อยลงและประหยัดไฟมากขึ้น ตลอดจนมีการวางระบบและติดตั้งจุดเชื่อมต่ออุปกรณ์ EV Charger เพื่อตอบรับกับเทรนด์การใช้รถไฟฟ้าในอนาคตด้วยเช่นกัน
  • เทรนด์มัลติฟังก์ชัน ปัจจุบัน บ้านในความคิดของผู้บริโภคนั้นต้องเป็นได้มากกว่าบ้าน ต้องสามารถปรับการใช้งานในพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างยืดหยุ่น เช่น ปรับฟังก์ชันห้องด้านล่างให้เป็น Flexible Function พร้อมรองรับกิจกรรมของสมาชิกทุกคนภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นห้อง Work From Home, Study Online, พื้นที่สำหรับออกกำลังกาย หรือแม้กระทั่งห้องไว้รองรับผู้สูงวัยในอนาคตอีกด้วย ทั้งนี้เพื่อให้ทุกคนในบ้านได้มี Space ความเป็นส่วนตัวไว้ทำกิจกรรมในแบบที่ต้องการได้อย่างมีความสุข”

“ซึ่งทั้งหมดนี้ทีม Product Development หรือ (PD) ของลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ไม่เคยหยุดที่จะคิดค้นนวัตกรรมการพัฒนาแบบบ้าน เริ่มตั้งแต่การพิจารณาสภาพแวดล้อมโดยรวมของโครงการ ความสวยงามในเรื่องของดีไซน์บ้านที่พร้อมจะมอบประสบการณ์ความประทับใจใหม่ๆ ในการอยู่อาศัย และคัดสรรวัสดุตกแต่งที่เป็นมิตรต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่ลูกบ้านสามารถใช้ได้จริงในระยะยาว ที่สำคัญในปีนี้เทรนด์การใช้รถพลังงานไฟฟ้ากำลังเป็นที่สนใจอย่างมากของคนไทย เราจึงได้เตรียมพร้อมเพิ่มการออกแบบติดตั้งระบบชาร์จไฟฟ้าเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าไว้ด้วยเช่นกัน และจะพยายามนำไลฟ์สไตล์เทรนด์ใหม่ๆ เหล่านี้ เข้ามาพัฒนาแนวทางการออกแบบให้พร้อมรองรับกับการอยู่อาศัยในอนาคตอย่างลงตัวที่สุด และนี่ก็คือภารกิจที่ท้าทายอยู่เสมอ เพื่อให้โครงการบ้านของ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ อยู่ในใจของลูกค้าทุก ช่วงเวลา” นายชูรัชฏ์ กล่าวสรุป

ติดตามข่าวอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นี่ : ชลาชล นำโครงการสอนอาชีพช่างผม

ชลาชล นำโครงการสอนอาชีพช่างผม

ชลาชล นำโครงการสอนอาชีพช่างผม โชว์ในเวทีการประชุมสตรีนานาชาติเอเปก

จากที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการประชุม APEC 2022 การประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในประเทศไทยตลอดทั้งปี 2565 และก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปกที่จะมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-19 พฤศจิกายน ศกนี้ ได้มีการจัดประชุมผู้นำสตรีนานาชาติ APEC WOMEN AND THE ECONOMY FORUM 2022 Bangkok Thailand ขึ้น เพื่อกำหนดนโยบายด้านสตรีและเศรษฐกิจ การสร้างความสมดุลในบทบาทสตรี ส่งเสริมความเท่าเทียมในเชิงธุรกิจเศรษฐกิจ โดยมีสมาชิก 21 ประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ไทย จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ฯลฯ มาร่วมประชุม ซึ่งมี นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธาน เมื่อเร็วๆนี้

ข่าวออกแบบ-ล่าสุด

ภายในงานกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้มีการนำเสนอโครงการสร้างอาชีพให้แก่แม่เลี้ยงเดี่ยว เพื่อเป็นการสร้างรายได้ที่จะช่วยแก้ปัญหาครอบครัวในสังคมไทย โดยหนึ่งในนั้นได้แก่ โครงการ “ให้ผมพลิกชีวิตคุณ” ของชลาชล กรุ๊ป โดยมี ดร.สมศักดิ์ ชลาชล นายกสมาคมวิชาชีพช่างทำผมไทย ได้นำเสนอโครงการให้แก่ผู้นำสตรีนานาชาติในการประชุมครั้งนี้ด้วย ทั้งนี้ ดร.สมศักดิ์ เปิดเผยว่า ธุรกิจเสริมสวยเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ส่งเสริมบทบาทสตรีในการเป็นผู้บริหารและผู้ประกอบกิจการในเชิงเศรษฐกิจได้ และทาง CHALACHOL Group เป็นหนึ่งในธุรกิจด้านเสริมสวยที่เป็นเกียรติได้รับเชิญไปร่วมงาน เพื่อนำเสนอและสนับสนุนสตรีในด้านการประกอบธุรกิจและเศรษฐกิจระดับโลก

โดยในช่วงวิกฤติโควิด ชลาชล กรุ๊ป เราได้ทำโครงการ “ให้ผมพลิกชีวิตคุณ” สอนอาชีพช่างทำผมให้แก่ผู้สนใจ เมื่อได้มาร่วมงานกับทางกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวง พม. ทาง “นายจุติ” รมว.พม. มองว่าปัจจุบันคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมีจำนวนมากขึ้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหาครอบครัวจากต้นตอเลยอยากสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเหล่านี้ ทางชลาชลเลยนำเสนอโครงการ “ให้ผมพลิกชีวิตคุณ” เป็นหลักสูตรสั้น สอนฟรี เพื่อเป็นการช่วยเหลือได้ทันท่วงที การประชุมครั้งนี้ จึงได้มานำเสนอพรีเซนต์โครงการนี้แก่ผู้นำสตรีที่มาร่วมประชุม ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เขาบอกว่า เป็นโครงการที่น่าสนใจ เพราะปัญหาแม่เลี้ยงเดี่ยวเกิดขึ้นทั่วโลก.